ผีตัวที่ 11 ผีแม่ชีผู้ทรงฤทธิ์

ผีตัวที่ 11 ผีแม่ชีผู้ทรงฤทธิ์
สวัสดีครับก็ได้เวลาว่างพอที่จะเขียนต่อแล้วกับเรื่องราวของประสบการณ์ที่ได้พบได้เจอกับวิญญาณหรือผีที่คนมักเรียกกัน เรื่องราวของผีตัวนี้ก็เป็นผีที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งที่คิดว่าควรจะนำมาเล่าสู่กันฟังเพื่อถ่ายทอดความรู้ ก็เป็นเรื่องราวต่อเนื่องมาจากผีตัวที่ 10 หลังจากนั้นไม่นาน เรื่องก็มีอยู่ว่าตอนนั้นสถาบันการศึกษาส่วนใหญ่ยังไม่มีการห้ามการรับน้องใหม่อย่างเป็นทางการอย่างในปัจจุบันเพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีความรุนแรงถึงกับเสียชีวิตอย่างปัจจุบันเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับผู้เขียนในการไปรับน้อง จริงๆแล้วผู้เขียนนั้นเรียนจบมานานหลายปีแล้วประมาณ 3-4 ปีเห็นจะได้แต่รุ่นน้องนั้นมาชวนอยากให้รุ่นพี่ที่จบไปหลายปีแล้วไปด้วยเพื่อสวยงามของกิจกรรมแล้ว และเป็นนัยว่าชวนผู้เขียนไปเที่ยวด้วยกันนั่นแหละ ทีแรกไม่อยากไปเพราะตั้งแต่กลับจากการปฏิบัติธรรมมาก็ไม่ค่อยอยากไปเที่ยวที่ไหน คือคิดว่าไปเที่ยวก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่บ้านสวดมนต์ไหว้พระดีกว่าอะไรประมาณเนี้ย แต่ก็ทนการชักชวนของรุ่นน้องไม่ไหวก็เลยตกลงที่สำคัญมีเพื่อนรุ่นเดียวกันไปด้วยหลายคน ดีเหมือนกันได้เจอเพื่อนๆไม่ได้เจอกันนาน ครั้งนั้นพวกน้องๆได้จัดการไปรับน้องที่จังหวัดประจวบฯก็ต้องบอกผู้อ่านทุกท่านก่อนว่าคนที่ปฏิบัติธรรมจนได้ฌาณแล้วส่วนใหญ่จะสัมผัสกับสิ่งแปลกๆทางฌาณคือมักจะได้รับการท้าทายกำลังทางจิตโดยผู้มีวิชาอาคมทั้งหลายที่มักจะชอบแสดงวิชาของตนเที่ยวส่งไปท้าทายหรือลองกำลังของผู้มีฌาณด้วยกันด้วยวิธีต่างๆนานาที่เรียกว่าการปล่อยของ เรื่องนี้ผู้ปฏิบัติจิตทั้งหลายพึงจำไว้ว่าอันตรายอย่าไปทดลองเด็ดขาด ขอให้นิ่งไว้ และพึงเป็นการรักษาศีลด้วย ถ้าชนะก็ดีไป ท้าพ่ายแพ้ก็โดนของเข้าตัว มันไม่จบง่ายๆด้วย ผู้เขียนโดนท้าทายประจำเหมือนกันแต่ไม่เคยไปรับคำท้าทายใครเลย ครั้งนี้ก็เช่นกัน แค่ตัดสินใจรับปากว่าจะไป คืนนั้นมาเลย ( ทุกคืนนั้นผู้เขียนจะต้องสวดมนต์ละนั่งกรรมฐานตั้งแต่เวลา 18.00 น-21.00น.เป็นประจำ วันละ 3 ชั่วโมงอย่างนี้ทุกวัน ไม่เคยขาดถ้าไม่มีธุระไปนอกบ้าน ) หลังจากที่เจริญพระกรรมฐานเสร็จก็เข้านอน คืนนั้นนิมิตไปว่า มีจระเข้ตัวใหญ่มากๆจะมาทำร้ายผู้เขียน ในนิมิตนั้น จระเข้นั้นน่ากลัวมาก เขี้ยวใหญ่ยาว ตัวใหญ่เท่าภูเขา พยายามจะกัดผู้เขียน จู่โจมด้วยปากอันมีเขี้ยวแหลมคม ฟาดหางทำร้ายผู้เขียนคงหวังให้ตาย แต่ผู้เขียนก็มิได้เกรงกลัวต่อจระเข้นั้นเลยแม้แต่น้อย เข้าต่อสู้หลบหลีกฟันอันแหลมคมของมันในมือผู้เขียนนั้นถือ กริชเล่มยาวอันคมกริบ ต่อสู้ประลองกำลังกันสักพักหนึ่ง ได้โอกาสแทงกริชนั้นลงบนหัวจนทะลุลงไปใต้ท้องจระเข้ใหญ่นั้น จระเข้นั้นคงเจ็บปวดดิ้นทุรนทุรายแล้วหนีไป ผู้เขียนสะดุ้งตัวตื่นขึ้นมา พิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิมิตแล้วลุกขึ้นมานั่งกรรมฐานตรวจสอบหาที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่นิมิตนี้ ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้ เหมือนกับทุกๆวัน แต่วันนี้ผู้ที่มาท้าทายนั้นมีดวงจิตแก่กล้า มากคนหนึ่ง ผู้เขียนเกือบเสียทีเหมือนกัน เมื่อเข้ากรรมฐานจึงได้รู้ว่ามาจากที่อันไกลที่ที่ผู้เขียนจะไปในวันพรุ่งนี้ เป็นฌาณที่มีกำลังมาก เลยคิดว่าหรือจะไม่ไปดีเพราะไม่อยากทะเลาะกับใครโดยเฉพาะพวกผู้ทรงฤทธานุภาพทางจิตทั้งหลาย แต่พอคิดถึงเพื่อนๆและน้องๆแล้ว คิดว่าคงจะต้องเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นแน่ ผู้เขียนคงต้องไป อย่างน้อยจะได้แก้ไขได้ทันเวลา หลังจากรู้ที่มาของฌาณนั้นแล้วเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วผู้เขียนก็ออกจากกรรมฐานแล้วเข้านอน วันรุ่งขึ้นก็เดินทางไปยังที่นัดหมายของกลุ่ม ทุกอย่างปกติ ผู้เขียนไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ให้ใครฟังเลยเพราะไม่อยากให้ใครเป็นกังวลและหวาดกลัว อีกอย่างผู้เขียนเองก็อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างด้วย และอยากรู้ด้วยว่าเหตุการณ์ข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นเมื่อไปถึงนั้นจะเป็นอย่างไร การเดินทางปกติผู้เขียนแยกไปทางรถไฟกับเพื่อน 7-8 คน โดยไปลงที่ปราณบุรีแล้วต่อรถสองแถวเข้าไป อีกทางหนึ่งไปโดยการเหมารถบัสไป นัดไปเจอกันที่นั่นเลย เมื่อไปถึงสถานีปราณฯแล้วต้องต่อรถสองแถวเข้าไป ขณะที่นั่งสองแถวเข้าไปที่ที่จะไปนั้น เกิดนิมิตบางอย่างบอกว่า ผู้มีฌาณแก่กล้านั้นมาท้าทายอีกแล้ว คือขณะที่รถสองแถววิ่งไปนั้น ( ผู้เขียนนั่งด้านหน้ากับคนขับกับเพื่อนอีกคน ) ได้มีฝูงนกบินฝูงใหญ่บินมาบนฟ้า ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มีนกตัวหนึ่งในฝูงนั้นบินพุ่งตรงเข้ามาชนหน้ากระจกรถอย่างแรงและตายคาที่ตรงหน้ารถนั้นคนขับรถตกใจหยุดรถ ลงไปดูเก็บศพนกนั้นมาแล้วพูดว่า

ความคิดเห็น