หลังจากผีตัวที่ 3
ที่ผู้เขียนได้เจอกับพวกสัมเวสีแล้ว ตอนนั้นผู้เขียนเจอพวกผีสัมเวสี
ตอนบ่ายวันที่สามหรือสี่ วันรุ่งขึ้นหลังจากผู้เขียนฉันเช้า
ตอนนั้นบวชพารมณ์จึงเรียกฉัน ผู้เขียนฉันเช้าเสร็จ
และตรงนั่นมันจะมีบริเวณหน้ากุฏิมันจะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ประมาณ 3
ต้นและมีต้นไม้ขนาดธรรมดากลางๆอยู่ซักสิบยี่สิบต้นได้ ร่มเลยนะ
และตรงใต้ต้นไม้ใหญ่มันจะมีแคร่ มันมีแคร่แต่ผู้เขียนไม่ได้นั่งตรงแคร่
ที่แรกผมไปเดินจงกรงก่อนรอบต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ 108 รอบ
ผมก็เดินจงกรมไปก็บริกรรมบทแผ่เมตตาไปเรื่อยๆตลอดไปจนครบ108
รอบเสร็จผมก็ไปนั่งกรรมฐานใต้ต้นไม้ใหญ่ ขณะที่ผมนั่งกรรมฐานจิตมันรวมเป็นหนึ่ง
กำลังจิตมันรวมเป็นหนึ่งปุ๊บ ภาพที่ผมเห็นก็คือมีผู้หญิงมานั่งอยู่ข้างๆ สองคน
ข้างซ้ายคนข้างขวาคนถือพัดๆให้ ผมเห็นปุ๊บก็เลยถามว่าพวกท่านเป็นใคร
คนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตอบผมว่า “พวกเราเป็นรุกขเทวดาเป็นนางไม้ ”และท่านกำลังทำอะไรกัน “ก็ท่านปฏิบัติ
มาเหนื่อย เห็นท่านเหนื่อยจากการเดินจงกลม
เราก็เลยคิดว่าจะมาพัดให้ท่านเย็นให้ท่านสบาย”
“ไม่ต้องหรอกไม่เป็นไรหรอกเราก็ทำของเราทุกวันอยู่อย่างนี้แหละ”
“ก็เพราะว่าเราอยากอาศัยท่าน อาศัยท่านสร้างบารมีก็เลยอยากจะมาขอบารมีท่านตรงนี้
ก็คือมาช่วย” “แล้วพวกท่านอยู่กันกี่คน” “พวกเราอยู่กันเยอะเลยเป็นครอบครัวเลย
นั่นไงปู่ของเรา” มองตามที่เขาพูดปุ๊บ ที่เขาชี้ไปผมก็เห็นปู่ของเขานั่งอยู่
ชื่อปู่สามภพนั่งอยู่แล้วก็ยิ้มมาทางเรา
รอบๆปู่ก็จะมีกุมารก็คือมีเด็กมีรุกขเทวดาเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่
และที่ปู่สามภพนั่งอยู่นั้นก็จะมีพ่อมีแม่มีญาติๆของเขานั่งอยู่ด้วย
และบนต้นไม้แต่ละต้นนั้นก็เห็นรุกขเทวดาออกมาทุกต้น ก็ยกมือไหว้ผู้เขียน
และก็ยิ้มให้เรา บ้างพวกก็กระโดดจากต้นนี้ไปต้นนั้น
เหาะนะลักษณะคือเหาะจากต้นนี้ไปต้นนั้น
บางพวกก็ลงมาที่พื้นดินมาวิ่งเล่นที่พื้นดินมาคุยกันมาทำอะไรที่พื้นดินกันเป็นลักษณะของการอยู่เป็นครอบครัว
“นี่พวกนี้เป็นพวกท่านหมดเลย” “ใช่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันหมดเลย”
“อ้าวรุกขเทวดามีครอบครัวได้ด้วยเหรอ” “มีได้ ก็แต่งงานมีลูก” หมายถึงว่าชอบพอกัน
รักกัน แล้วก็มีลูกได้ แต่ไม่ได้ท้อง แค่คิดว่ารักกันนะ
เรามีอะไรกันในทางความรู้สึกปุ๊บเราอยากได้ลูกๆก็เกิดขึ้นมา ผู้เขียนถามต่อ
”พวกท่านทำอะไรกันวันนึง”
“เรามีหน้าที่ดูแลต้นไม้ทั้งหลายแต่ละต้นนั้นก็จะมีครอบครัวพวกเราอยู่อาจจะมีคนหนึ่งบ้าง
สองคนบ้าง สามคนบ้าง หรือหลายๆคนก็ได้ก็คือเป็นลูกเป็นหลาน”
ที่คุยกับผู้เขียนเขาอยู่กันสองคนสามีกับภรรยาก็จะมีลูกๆกันกี่คนก็อยู่ในต้นไม้ต้นเดียวกันนั้นแหละ
ผู้เขียนถามต่อ “อ้าวแล้วอยู่ปกปักษ์รักษาต้นไม้แล้วถ้าใครมาทำอะไรต้นไม้ละ”
“ถ้าต้นไม้เป็นต้นไม้ที่ไปใช้ประโยชน์ในทางโลก เราก็ทำอะไรไม่ได้
เพราะว่าในทางโลกเขาเอาไม้ไปทำการค้า
เพียงแต่ว่าบ้างครั้งถ้าเราอาศัยอยู่นานๆเราเดือดร้อน
ถ้าเราจะพูดก็คือว่าเราไม่อยากให้ใครตัดต้นไม้
1.คือพวกเราเดือดร้อนอยากให้ท่านรู้ว่า พวกรุกขเทวดาเดือดร้อน
พอต้นไม้ต้นหนึ่งถูกตัดปุ๊บรุกขเทวดาครอบครัวหนึ่งก็จะไม่มีที่ อยู่อาศัยแล้ว
และก็ไปอยู่ต้นอื่นก็ไม่ได้ต้นอื่นเขาอยู่กันหมดแล้ว
ก็ต้องไปหาที่อยู่ใหม่ที่ไกลออกไปอีก เรียกว่าย้ายครอบครัวไปเลย
ย้ายจากถิ่นฐานไปเลย ไปแสวงหาป่าใหม่ หาที่อยู่ใหม่ หาต้นไม้ใหม่
หรือบ้างทีอาจจะอาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่ที่มีครอบครัวตัวเองอยู่ก็จริง
แต่ก็ต้องรอต้นไม้ใหม่ให้เกิดขึ้นมาแล้วไม่มีใครจองถึงจะเข้าไปอยู่ได้
มันเป็นความลำบากของพวกรุกขเทวดา ซึ่งมนุษย์ไม่รู้
ถ้าท่านพูดได้ขอให้ท่านไปบอกว่าอย่าตัดไม้เลยนะ การตัดไม้อาจทำให้โลกเดือดร้อน
โลกไม่ร่มเย็น เป็นเรื่องที่คนเข้าใจจริง แต่ว่าในทาง
จิตวิณญาณแล้วพวกเราก็เดือดร้อนมาก จึงไม่อยากให้ตัดต้นไม้
แต่ถามว่าเรามีฤทธิ์ที่จะ ไปขับไล่เขาไปทำร้ายเขาเราก็ไม่ทำหรอก
สมมุติว่ามีคนจะมาตัดต้นไม้เราจะไปไล่เขา ไปหลอกเขาเราก็ไม่ทำ
เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้วเราก็ไม่ได้เป็นเจ้าของอะไรเหมือนกัน
และอีกอย่างเราเป็นรุกขเทวดา เราเป็นพวกเทวดาหรือเทวดาชั้น 1 บนสวรรค์ชั้นที่ 1
เป็นเทวดาเราไม่คิดร้ายกับมนุษย์อยู่แล้ว ดังนั้นเราก็เลยไม่อยากจะไปทำร้ายมนุษย์
แต่อยากให้มนุษย์เข้าใจ
ทางที่ดีอย่าตัดไม้ทำลายป่าดีกว่าเพราะต้นไม้แต่ละต้นนั้นมีเทวดาอยู่ทั้งนั้น
บางต้นก็อยู่คนเดียว บางต้นก็อยู่กันเป็นครอบครัว สองคนบ้าง สามคนบ้าง สี่คนบ้าง
ห้าคนบ้าง แล้วแต่ครอบครัวเขาจะมีลูกมีหลานเท่าไร และพวกเราไม่ได้คิดร้ายต่อมนุษย์”
ผู้เขียนถาม “แล้วรุกขเทวดาอาศัยอยู่ในต้นไม้แล้วมีประโยชน์ต่อมนุษย์ยังไง”
“ก็ช่วยเหลือมนุษย์ในทางที่เป็นไปได้ เช่น
เมื่อมีเกิดเหตุเพศภัยบางครั้งเราก็จะไปเตือนในฝันก็ได้
ในนิมิตของมนุษย์ได้เหมือนกัน
และถ้ามีพวกเราที่มีฤทธิ์มากก็สามารถจะไปสื่อสารกับมนุษย์ไปช่วย
ไปบอกมนุษย์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในบริเวณนี้ให้มนุษย์เตรียมตัวได้หนีกัน
รุกขเทวดาทำหน้าที่นี้ได้” “นอกจากการปกปักษ์รักษาต้นไม้
แล้วความเป็นอยู่ในต้นไม้ที่อยู่กันหลายๆคนท่านอึดอัดมั๊ย” “ไม่หรอก
ในความเป็นเทวดาแล้วมันก็กว้างขวางพอที่จะอยู่ได้ ตามกิ่งก้าน ตามใบก็อยู่ได้”
ผู้เขียนถาม “แล้วอยู่กับปริมาณมากๆอย่างนี้มีเรื่องขัดอกขัดใจกันบ้างมั๊ย”
“ก็มีบ้างทะเลาะวิวาทก็เหมือนมนุษย์แหละ บ้างทีญาติกัน
ไม่ถูกกันคือต้นนี้ไม่ถูกกับต้นนี้ก็ไม่อยากเห็นหน้ากันก็มี
แต่ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเป็นหรอก ถ้ายังเชื่อในเรื่องของความดีงาม
คุณธรรมความดีก็จะไม่ทะเลาะกัน แต่ก็มีบ้างไม่ถูกกัน บางทีก็ต้องย้ายไปเลย”
ผู้เขียนถามต่อ “แล้วการให้โชคลาภกับมนุษย์ละ” “ก็มี ถ้ามนุษย์
พวกไหนมาไหว้รุกขเทวดา ก็ในพวกเราบางกลุ่มก็มีฤทธิ์ มีบุญมาก มีฤทธิ์มาก
ก็สามารถให้โชคให้ลาภได้เหมือนกัน
แต่โชคลาภนั้นก็จะขึ้นอยู่กับตัวของมนุษย์ที่มาขอว่าเขามีโชค มีลาภหรือป่าว
ในขณะนั้นถ้าคนที่มาขอกับรุกขเทวดาองค์ใดองค์หนึ่ง แล้วคนนั้นมีโชคอยู่แล้ว
มันก็เหมือนกับว่าพวกเราช่วยเขา แต่จริงๆเขามีโชคอยู่แล้ว
เพียงแต่ว่ามาขอรุกขเทวดาที่มีฤทธิ์ก็จะบัลดาลโชคลาภนั้นให้มาไวขึ้นหรือให้ตรงพอดีได้
และก็เกิดความโชคดีนั้นขึ้นมาได้เหมือนกัน เป็นไปได้ ไม่ใช่ว่าไม่จริงซะทีเดียว
รุกขเทวดาก็มีผลเหมือนกัน” “อ้าวแล้วการที่มนุษย์มาบนบาน มาขอพรอะไรแบบนี้
มาอะไรแบบนี้ล่ะ” “มันก็เป็น ความเชื่อของมนุษย์
แต่ถามว่ารุกขเทวดาต้องการให้มนุษย์เหล่านี้มากราบไหว้มาขอพรมั๊ย
ก็ไม่ได้คิดไม่ได้หวังว่าตัวเองมาสถิตอยู่ในต้นไม้ใหญ่แล้วจะต้องให้คนมากราบไหว้เป็นเหมือนว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรมากมาย
เราก็มาทำหน้าที่ของเรา มาตามเวลาของเราเหมือนกัน
ต่างคนก็ต่างมีหน้าที่ของตัวเองรุกขเทวดาก็มีหน้าที่ของตัวเอง
ต้นไม้เป็นที่อยู่ของเรา เท่านั้นเอง”
นี่คือคำกล่าวจากปากของนางไม้ผู้หญิงทั้งสองตน ผู้เขียนถามต่อ
“แล้วพวกท่านเห็นหมดเลยมั๊ย พวกคนปฏิบัติธรรม เป็นพระ เป็นอะไร” “เห็นหมดแหละ
รู้หมดเลยว่าพระองค์ไหนดีองค์ไหนไม่ดี ก็เห็นอยู่ตลอด
คนไหนมารักษาศีลไม่รักษาศีลก็เห็นอยู่ตลอด พวกมารักษาปฏิบัติ
ก็อย่างเช่นท่านเป็นต้น เป็นคนดี ปฏิบัติจริง ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
สามารถปฏิบัติจนให้ผลกับตัวเองได้ ให้สิ่งที่ดีงามกับตัวเองได้
ก็ถือว่าท่านเป็นคนดีเราจึงอยากจะมามีส่วนอนุโมทนาในบุญกุศลที่ทำอยู่นี้แล้วด้วย
ด้วยการมาปฏิบัติพัดวีท่าน
แต่ตาธรรมดาของมนุษย์นั้นมองไม่เห็นอยู่แล้วถ้าไม่มีกำลังขนาดท่านก็มองไม่เห็นหรอก
ต้องมีกำลังจิตขนาดท่านถึงจะมองเห็นพวกเราได้ นั่นก็เพราะว่าท่านประพฤติปฏิบัติให้
ถูกตรง และดีงาม เราจึงมาพบกับท่านได้ ท่านปฏิบัติไปเถอะ
เราก็จะพัดให้ท่านอยู่อย่างนี้แหละ” “งั้นเราจะปฏิบัติต่อนะ
พวกท่านอยากจะทำอะไรก็ทำไปตามใจพวกท่านแล้วกัน”
ในขณะที่ผู้เขียนปฏิบัติไปนั้นภาพนี้ก็อยู่อย่างนั้นตลอด
พวกรุกขเทวดาก็มีชีวิตปกติของเขา ในความที่เราเห็นเขาเป็นความไม่ปกติของเรา
แต่ในความที่เขาเป็นของเขาๆปกติของเขา เขาก็ยังทำกิจนั้นกิจนี้ เล่นนั่นเล่นนี่
คุยกันบ้างตามประสา เป็นปกติของพวกเขาที่เป็นอยู่ทุกวัน เพียงแต่มนุษย์ไม่เห็น
แต่ในสิ่งที่ปกติคือเราไปเห็นเขาแล้ว ก็เลยรู้ว่ามันมีอยู่จริง
สิ่งเหล่านี้มันมีอยู่จริง ส่วนรุกขเทวดาก็จะรู้ว่าใครเป็นคนดีคนชั่ว
ใครมีโชคมีลาภมาก็ ช่วยได้บ้าง ไม่ใช่ว่าช่วยได้ทุกคน
ไม่ใช่ว่ารุกขเทวดาจะมีแรงหรือว่าบันดาลทุกสิ่งทุกอย่างให้กับมนุษย์ได้
ไม่ใช่หน้าที่ของรุกขเทวดา แต่เพียงแต่ว่าบ้างครั้งมนุษย์บางคนมากราบไหว้นั้น
แล้วมนุษย์คนนั้นเขาก็มีบุญของเขาอยู่มีโชคของเขาอยู่ก็คือเขาอาจจะได้โชคนั้นไป
แต่ไม่ใช่เป็นเพราะรุกขเทวดาทั้งหมด ผู้เขียนก็ถามต่อว่า
“แล้วต้นไม้ที่มีคนมาพันผ้าสามสีแล้วก็ว่าศักดิ์สิทธิ์ๆ นะเป็นเพราะอะไร” “อ้อ
แสดงว่ารุกขเทวดาองค์นั้นอยู่มานานแล้ว บำเพ็ญบารมีมาก
ขณะอยู่ก็ทำประโยชน์ให้กับบริเวณนั้นมากเป็นร่มเป็นเงา เป็นที่นับ
หน้าถือตาของรุกขเทวดาทั้งหลายในบริเวณนั้น และอีกอย่างหนึ่งคือมีอายุที่ยาวนานกว่า
อาจจะเป็น 100ปี บ้าง 200ปี บ้าง เป็นรุกขเทวดาที่มีบุญมาก มีบารมีมากเหมือนกัน
พวกนี้ก็จะมีความศักดิ์สิทธิมากด้วยตามลำดับของเขาก็ไม่แปลกหรอกที่คนจะเอาผ้ามาพัน
จะประสบพบเห็นรุกขเทวดาองค์นี้ได้บ้าง และก็อาจจะมีการไปช่วยเหลือบ้าง เพราะว่า
เขามีฤทธิ์มาก และอีกอย่างหนึ่งเขาอยู่ต้นไม้ที่ใหญ่ๆด้วย
แล้วบางครั้งเมื่อท่านอยู่ในต้นไม้ที่อายุมากๆ
ก็ได้แสดงฤทธิ์ให้ผู้สัญจรไปมาเพื่อให้คนเกิดสัทธา
เพื่อปกป้องต้นไม้ต้นนั้นไว้ไม่ให้ถูกตัดนั่นเอง
นี่คือสิ่งที่รุกขเทวดาปกป้องต้นไม้อยู่ หรือต้นไม้ต้นไหนมีอายุยืน มีความใหญ่โต
มีประโยชน์ต่อสังคมมากๆ มีประโยชน์ต่อโลกมาก
รุกขเทวดาก็สามารถที่จะไปบอกคนที่สามารถที่จะสื่อสารได้ในระแวกนั้นให้มาพันผ้าสีไว้ให้เกิดการรักษา
แต่ว่าถ้าเกิดพันไว้คนไปตัดจริงๆก็ตัดได้แหละ
เขาก็ไม่สามารถจะมาทำร้ายมาฆ่ามาแกงหรอกเขาก็ต้องยอมเพียงแต่ว่าอย่าทำดีกว่า
ท้ายที่สุดคือว่าท่านอยู่นานแล้วถ้าไปตัดของท่านเสียท่านจะอยู่ไหนล่ะ”
และนี่คือสิ่งที่พูดคุยกับรุกขเทวดามันก็ไม่ได้ใช้เวลาอะไรนานนักก็คือแค่พอเข้าใจในลักษณะในการดำเนินชีวิตของเขาเท่านั้นเองว่า
พวกเขามีอยู่นะ
การแสดงหรือการเล่าให้ฟังนี้ก็เพื่อจะบอกให้ทุกคนได้รู้ว่ามีอยู่จริง
รุกขเทวดาทั้งหลายเขาก็มีอยู่ เขาก็มีความรู้สึกมีความคิดของเขาเหมือนกัน
เขาก็ต้องการที่อยู่อาศัยเหมือนเรา
เรานะถ้ามีบ้านอยู่แล้วคนมายึดบ้านเรามารื้อบ้านเราเราจะรู้สึกยังไง
ในทางกลับกันเราที่ไปตัดต้นไม้เนี่ยก็ให้เราคิดเสียว่านั้นคือบ้านเขาเราไปเบียดเบียนเขาให้ส่งสารพวกเขาบ้าง
พวกเขาไม่ได้คิดร้ายเราหรอกไม่สามารถมาทำร้ายอะไรเราได้หรอกแต่เพียงแต่ให้เรารู้ว่าถ้ายังอยากจะอยู่อย่างสันติสุขนะก็อย่าไปทำร้ายเขาเลย
อย่าทำร้ายด้วยการตัดไม้ เป็นอันว่าจบเรื่องราวของรุกขเทวดาของผีตัวที่ 5
ไว้แต่เพียงเท่านี้
(คอยพบกับคุยกับผีตัวที่ ๖ เร็วๆนี้...)
(คอยพบกับคุยกับผีตัวที่ ๖ เร็วๆนี้...)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น